ภาพรวมตลาด
Philip Morris International (PMI) กำลังเร่งเดินหน้าสู่การเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์ปลอดควันอย่างจริงจัง โดยปัจจุบันรายได้กว่า 40% มาจากผลิตภัณฑ์ลดความเสี่ยง เช่น IQOS และ Zyn และมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนนี้เป็นสองในสามภายในปี 2030 ความสำเร็จของ Zyn ในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งมียอดจัดส่งพุ่งขึ้นกว่า 50% พร้อมกับส่วนแบ่งตลาดที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้บริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 2025 ขณะเดียวกัน การเปิดตัว IQOS Iluma ในสหรัฐฯ หลังการซื้อสิทธิ์จาก Altria ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะช่วยผลักดันการเติบโตในตลาดใหญ่ที่ยังมีช่องว่างขยายตัวสูง
นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลอดควัน PMI ยังมีความได้เปรียบจากธุรกิจบุหรี่ดั้งเดิม โดยเฉพาะแบรนด์พรีเมียมอย่าง Marlboro และ Parliament ที่ครองส่วนแบ่งตลาดในกว่า 100 ประเทศ ความภักดีของผู้บริโภคและอำนาจการกำหนดราคาที่แข็งแกร่งทำให้บริษัทสามารถชดเชยปริมาณการขายที่ลดลงด้วยการปรับราคาขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ กำไรต่อหน่วยจากบุหรี่พรีเมียมและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อนยังคงสูงกว่าบุหรี่ทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ภาพรวมผลกำไรมีแนวโน้มเติบโต แม้จะเผชิญแรงกดดันด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น
ด้านพื้นฐานทางการเงิน PMI ยังคงแสดงความแข็งแกร่ง โดยรายได้ไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้น 7% แตะ 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นออกมาสูงกว่าคาดที่ 1.91 ดอลลาร์ การเติบโตของผลิตภัณฑ์ปลอดควันควบคู่กับมาตรการควบคุมต้นทุนช่วยหนุนอัตรากำไรอย่างต่อเนื่อง บริษัทตั้งเป้าให้กำไรต่อหุ้นตลอดทั้งปีอยู่ที่ 7.24 - 7.37 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากประมาณการก่อนหน้า เมื่อพิจารณาจากแบรนด์ที่แข็งแรง กลยุทธ์ปลอดควันที่ชัดเจน และผลประกอบการที่เหนือความคาดหมาย ราคาหุ้น PMI จึงยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไปได้ในช่วงถัดไป
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
PM
ราคาปรับตัวลงมาทดสอบบริเวณกรอบแนวรับสีแดงก่อนจะดีดตัวกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่ยังคงเข้ามาพยุงตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่ราคาสามารถรักษาการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเทรนไลน์ขาขึ้นได้ต่อเนื่อง ชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มบวกในภาพรวม ด้วยสัญญาณเช่นนี้ ตลาดยังคงมีโอกาสขยับตัวขึ้นต่อไปเพื่อมุ่งหน้าไปทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 181.50 ดอลลาร์ได้
PM (H4)
