Become an FBS IB Partner, celebrate Merdeka, and earn extra for your referrals.See more
เปิดบัญชี
เปิดบัญชีล็อกอิน
เปิดบัญชี

31 ก.ค. 2025

กลยุทธ์

การเทรดด้วยความถี่สูง (High-Frequency Trading - HFT) คืออะไร และมันทำงานอย่างไร?

การเทรดด้วยความถี่สูง (HFT) คืออะไรและมันทำงานอย่างไร?

ในโลกของการเทรด ไม่ใช่ทุกคนที่เล่นเกมเดียวกัน ทุกคนต่างก็มีกลยุทธ์ ชุดความรู้ และความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเอง เทรดเดอร์บางคนชอบเทรดออปชัน หรือชอบใช้ข้อมูลและเครื่องมือต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิค ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ และสมุดคำสั่ง เพื่อวางคำสั่งซื้อขายอย่างมีข้อมูลมากขึ้น ขณะที่นักลงทุนบางคนเป็นนักลงทุนทั่วไปที่อาจนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวม แล้วให้ผู้จัดการกองทุนลงทุนแทน หรือซื้อหุ้นแล้วปล่อยทิ้งไว้หลายปี โดยหวังว่าการลงทุนจะเติบโตไปเอง ส่วนเทรดเดอร์รายวันจะเข้าออกตลาดภายในวันเดียวเพื่อไล่ตามความเคลื่อนไหวระยะสั้น

เทรดเดอร์บางส่วนอยู่ในระดับที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง พวกเขาใช้สิ่งที่เรียกว่าการเทรดด้วยความถี่สูง (High-Frequency Trading) และไม่พึ่งพาความรู้สึกหรือข่าวด่วน พวกเขาไม่ใช่เทรดเดอร์ทั่วไปที่ทำงานจากบ้านหรือบนสมาร์ตโฟน แต่เป็นเทรดเดอร์ที่ทำงานให้กับบริษัทใหญ่ ๆ ที่ใช้คอมพิวเตอร์ตัดสินใจและส่งคำสั่งซื้อขายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที แล้วการเทรดด้วยความถี่สูงคืออะไร? มันทำงานอย่างไร ส่งผลต่อผู้เล่นรายอื่น ๆ ในตลาดอย่างไร? และมันมีวิวัฒนาการอย่างไร? มาทำความเข้าใจกันแบบเจาะลึกกันเถอะ!

คำนิยามของ HFT

การเทรดด้วยความถี่สูง (High-Frequency Trading - HFT) เป็นการเทรดระยะสั้นแบบความเร็วสูง ที่ใช้คอมพิวเตอร์ทำการซื้อขายในปริมาณมาก โดยที่เครื่องจักรทำทุกงานให้ทั้งหมด การซื้อขายเกิดขึ้นผ่านอัลกอริทึมที่ถูกโปรแกรมโดยพนักงานของบริษัทยักษ์ใหญ่ ธนาคาร และสถาบันการเงิน โปรแกรมเหล่านี้คือชุดคำสั่งที่บอกคอมพิวเตอร์ว่าควรซื้อหรือขายเมื่อใดและอย่างไร

ระบบ HFT ทำงานได้เร็วกว่ามากและจัดการปริมาณการซื้อขายได้มากกว่าที่มนุษย์หรือเทรดเดอร์ทั่วไปจะทำได้ ความเร็วในการเทรดนั้นสูงมาก มันเกิดขึ้นในระดับมิลลิวินาทีหรือแม้แต่ ไมโครวินาที ทำให้สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้นับล้านครั้งในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ส่วนมนุษย์ก็ยังต้องคอยดูแลระบบเพื่อป้องกันไม่ให้การเทรดเกินควบคุม

แนวคิดหลักของ HFT ไม่ใช่การทำกำไรครั้งใหญ่ต่อแต่ละคำสั่งซื้อขาย เนื่องจากมันทำงานเร็วและแม่นยำในระดับที่มีเพียงคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่ทำได้ มันจึงสามารถเก็บกำไรเล็ก ๆ จากความผันผวนเล็ก ๆ ของราคาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยความที่ระบบเร็วมากและจัดการคำสั่งซื้อขายได้ในจำนวนมหาศาล กำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ก็จะค่อย ๆ สะสมตัว

มีสองวิธีหลัก ๆ ที่บริษัทใช้การเทรดด้วยความถี่สูง วิธีหนึ่งเรียกว่าการเทรดแบบ execution คือการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยดำเนินการคำสั่งซื้อขายใหญ่ ๆ โดยพยายามคว้าราคาดีที่สุด ส่วนอีกวิธีคือการมองหาโอกาสเล็ก ๆ ระยะสั้นเพื่อทำกำไร โดยอัลกอริทึมจะจับความแตกต่างของราคาเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นแค่ไม่กี่วินาทีแล้วใช้โอกาสนั้นทำกำไรทันที

กองทุนใช้ HFT อย่างไร?

กองทุนใช้ HFT อย่างไร?

อัลกอริทึม

ก่อนจะมีการเทรด บริษัทต่าง ๆ จะพัฒนาอัลกอริทึมที่ซับซ้อนเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลตลาดแบบเรียลไทม์ โดยโปรแกรมเหล่านี้จะคอยจับตาดูการเปลี่ยนแปลงของราคา การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของปริมาณการซื้อขาย และสัญญาณอื่น ๆ ที่อาจเป็นโอกาสในการทำกำไร

รูปแบบ

พวกเขาใช้โปรแกรมเหล่านี้เพื่อจับการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ในระยะสั้น ๆ นี่อาจเป็นกรณีของหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าความเป็นจริงเล็กน้อย หรือการตกอย่างรวดเร็วที่อาจเด้งกลับมาได้ โดยคำสั่งซื้อขายเหล่านี้สามารถเปิดและปิดได้ภายในเวลาไม่กี่วินาทีหรือเร็วกว่านั้น

ความเร็ว

อัลกอริทึมจะทำงานแบบอัตโนมัติ มันสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ด้วยตัวเองในความเร็วระดับแสง โดยไม่ต้องการการตรวจสอบจากมนุษย์ ความเร็วระดับนี้ทำให้บริษัทได้เปรียบอย่างมหาศาล

ปริมาณการซื้อขาย

ด้วยความเร็วและระบบอัตโนมัติของ HFT มันสามารถสร้างกำไรเล็ก ๆ นับพันครั้งได้อย่างต่อเนื่อง หนึ่งคำสั่งซื้อขายอาจได้กำไรแค่เสี้ยวเซ็นต์ แต่เมื่อทำซ้ำ ๆ หลายล้านครั้ง กำไรเหล่านั้นก็จะรวมกันเป็นก้อนใหญ่

อาร์บิทราจ

โปรแกรมเหล่านี้สามารถตรวจจับความแตกต่างของราคาระหว่างตลาดต่าง ๆ ได้ บางครั้งหุ้นเดียวกันอาจมีราคาถูกกว่าเล็กน้อยในตลาดหนึ่งเมื่อเทียบกับอีกตลาดหนึ่ง ซึ่งอาจแตกต่างกันเพียงไม่กี่เซ็นต์หรือเศษเสี้ยวของเซ็นต์ ระบบ HFT จะจับช่องว่างนี้และใช้ประโยชน์จากมัน โดยทำการซื้อขายทั้งสองด้านก่อนที่ใครจะสังเกตเห็น จนกว่าช่องว่างราคานั้นจะถูกเติมเต็ม

ข้อดีของการเทรดด้วยความถี่สูง

HFT มีบทบาทสำคัญในระบบตลาดสมัยใหม่ บางคนมองว่ามันเป็นการใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด ในขณะที่บางคนกลับเห็นว่ามันเป็นระบบที่ไม่เป็นธรรม

คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงสามารถทำการซื้อขายได้นับพันครั้งในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ความเร็วระดับนี้ทำให้บริษัทใหญ่ ๆ สามารถเคลื่อนย้ายเงินก้อนมหาศาลได้ในพริบตา โดยพวกเขาสามารถทำกำไรจากความผันผวนของราคาเพียงเล็กน้อยได้ ด้วยการใช้เงินทุนจำนวนมากร่วมกับความเร็วสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ทั่วไปไม่สามารถทำได้เลย

การเทรดด้วยความถี่สูงจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด เนื่องจากมันใช้ความเร็วสูงและมีปริมาณการซื้อขายมาก สภาพคล่องในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้นักลงทุนทั่วไปสามารถซื้อขายได้ง่ายขึ้นโดยไม่ก่อให้เกิดความผันผวนราคามากเกินไป ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย นอกจากนี้ มันยังช่วยลดช่องว่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (bid) และราคาเสนอขาย (ask) ที่เรียกว่า bid-ask spread การที่สเปรดแคบลงหมายถึงราคาที่ดีขึ้น

ในปี 2012 แคนาดาได้นำระบบค่าธรรมเนียมมาใช้เพื่อลดความเร็วในการเทรดด้วยความถี่สูง ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการเทรดและลดปริมาณคำสั่งซื้อขายในตลาด แต่ผลที่ตามมากลับทำให้สภาพคล่องในตลาดลดลง และสเปรดระหว่างราคาเสนอซื้อ-เสนอขายก็กว้างขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการเทรดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่มาตรการนี้ตั้งใจจะช่วยเหลือในตอนแรก

ข้อเสียของการเทรดด้วยความถี่สูง

HFT ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเช่นกัน หนึ่งในเสียงวิจารณ์หลักคือระบบนี้ตัดมนุษย์ออกจากสมการ แทนที่การตัดสินใจจะมากจากผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์ แต่กลับให้อัลกอริทึมเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง โปรแกรมเหล่านี้สามารถตอบสนองได้ในเวลาเพียงมิลลิวินาที ซึ่งเร็วกว่าที่ทุกคนจะคิดได้ มันคือความเร็วที่มนุษย์ตามไม่ทันโดยแท้

ในปี 2010 ดัชนีดาวโจนส์ได้ร่วงลงเกือบ 1,000 จุด ในเวลาเพียง 20 นาที เหตุการณ์นี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "Flash Crash" ผู้สอบสวนพบว่ามีสาเหตุมาจากคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่เพียงรายการเดียวที่กระตุ้นให้เกิดคลื่นคำสั่งขายแบบอัตโนมัติ ซึ่งทำให้เรื่องต่าง ๆ บานปลายจนไม่สามารถควบคุมได้ ในที่สุด วิกฤตการณ์ก็คลี่คลายลงและดัชนี Dow ก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่ความเสียหายก็ได้เกิดไปแล้ว และนี่แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ HFT

หลายคนมองว่า HFT เป็นระบบที่ไม่ยุติธรรม บริษัทการซื้อขายขนาดใหญ่ทุ่มเงินนับล้านเพื่อสายเคเบิลที่เร็วกว่า เซิร์ฟเวอร์ที่ดีกว่า และโค้ดที่ชาญฉลาดกว่า และพวกเขามีเงินทุนจำนวนมหาศาลในการซื้อขาย ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขามีข้อได้เปรียบเหนือบริษัทขนาดเล็กและบุคคลทั่วไปอย่างมาก

"สภาพคล่องหลอก" เกิดขึ้นเมื่อบริษัทที่ใช้ HFT วางคำสั่งซื้อหรือขาย แต่ยกเลิกมันเกือบจะในทันที มันสร้างภาพลวงตาของกิจกรรมและสภาพคล่องในตลาด ทันทีที่คุณวางคำสั่งซื้อขาย สภาพคล่องก็จะหายไปแล้วเนื่องจากคำสั่งซื้อขายถูกยกเลิก นี่อาจสร้างความหงุดหงิดให้กับนักลงทุนทั่วไปที่เห็นว่ามีคนยินดีจะซื้อหุ้นในราคาหนึ่ง แต่โอกาสนั้นกลับหายวับไปทันทีที่พวกเขาพยายามจะขาย

HFT มีวิวัฒนาการอย่างไร

HFT มีวิวัฒนาการอย่างไร

การเทรดด้วยความถี่สูงหรือ HFT เป็นส่วนหนึ่งของตลาดหุ้นมานานหลายปีแล้ว มันได้ไปถึงจุดสูงสุดในปี 2009 เมื่อคิดเป็นประมาณ 60% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมดในสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่าการซื้อขายกว่า 60% ในตอนนั้นถูกดำเนินการโดยคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันสัดส่วนนี้ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 50% สำหรับยุโรปนั้นเข้ามาเล่นในเกม HFT ช้ากว่าเล็กน้อย โดยเคยไปถึงจุดสูงสุดในปี 2010 ก่อนจะค่อย ๆ ลดลงเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม กำไรที่ทำได้จาก HFT ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ในปี 2009 บริษัทสหรัฐฯ ทำกำไรได้จาก HFT สูงถึงกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ แต่ในปี 2017 ตัวเลขนี้ได้ร่วงลงมาเหลือไม่ถึง 1 พันล้านดอลลาร์ เกิดอะไรขึ้น? บริษัทมากขึ้นเริ่มใช้เทคโนโลยีนี้ การแข่งขันจึงเข้มข้นขึ้น และความผันผวนของตลาดก็ลดลง นอกจากนี้ การรักษาความสามารถในการแข่งขันยังมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

บริษัทต่าง ๆ ได้เริ่มลงทุนเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเทคโนโลยีและข้อมูลที่เร็วขึ้น บางบริษัทเริ่มจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อเช่าพื้นที่เพื่อให้สามารถวางเซิร์ฟเวอร์ของตนไว้ใกล้กับคอมพิวเตอร์ของตลาดหลักทรัพย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สิ่งนี้เรียกว่าโคโลเคชัน (Co-location) ซึ่งเป็นการวางเซิร์ฟเวอร์ไว้ในที่ตั้งเดียวกันกับระบบของตลาดหลักทรัพย์เพื่อรับข้อมูลได้ก่อนผู้เล่นรายอื่น แม้จะแตกต่างเพียงเสี้ยวไมโครวินาทีก็ตาม เมื่อตลาดหลักทรัพย์เห็นความต้องการนี้ พวกเขาจึงขึ้นค่าธรรมเนียมการเข้าถึงข้อมูลและพื้นที่เซิร์ฟเวอร์

ดาร์กพูล (Dark Pools) ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายแบบส่วนตัวที่นักลงทุนรายใหญ่สามารถเทรดได้แบบไม่เปิดเผยข้อมูล โดยคำสั่งซื้อขายเหล่านี้จะไม่ปรากฏในสมุดสั่งซื้อสาธารณะ (public order books) ละฟีดข้อมูลที่อัลกอริทึม HFT พึ่งพา ซึ่งหมายความว่าการซื้อขายเหล่านี้จะไม่มีภาพรวมทั้งหมดเมื่อทำการซื้อขายตามที่ได้รับการตั้งโปรแกรมให้ตรวจจับ และด้วยเหตุนี้จึงทำกำไรได้น้อยลง

หลายบริษัท HFT ได้เริ่มควบรวมกิจการ โดยบริษัทขนาดใหญ่กว่าเข้าซื้อบริษัทขนาดเล็กเพื่อความอยู่รอดและรักษาความได้เปรียบ Virtu เป็นบริษัท HFT ชื่อดัง ปัจจุบันจัดการคำสั่งซื้อขายประมาณ 20% ของปริมาณการซื้อขายในตลาดสหรัฐฯ

หน่วยงานกำกับดูแลก็กำลังให้ความสนใจมากขึ้นเช่นกัน กฎระเบียบกำลังเปลี่ยนแปลง และสิ่งที่เคยอนุญาตได้ในอดีต ตอนนี้ก็กำลังถูกควบคุมมากขึ้น คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้ออกค่าปรับและเริ่มการสอบสวนบริษัท HFT หลายแห่ง เกี่ยวกับข้อกล่าวหาในการควบคุมราคาและเทรดเดอร์ และการสร้างสภาพคล่องหลอก

ข้อคิดเห็นท้ายสุด

อาจมีการโต้แย้งกันว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้ช่วยเหลือเทรดเดอร์ทั่วไปมากกว่าที่จะทำร้ายพวกเขา ย้อนกลับไปในยุค 80 คุณต้องโทรหาโบรกเกอร์เพื่อทำการซื้อขาย จ่ายค่าธรรมเนียมจำนวนมาก และติดตามราคาตลาดผ่านทางทีวีหรือหนังสือพิมพ์ฉบับวันถัดไป มันเป็นกระบวนการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ปัจจุบัน คุณสามารถซื้อขายได้ทันที บ่อยครั้งด้วยค่าธรรมเนียมน้อยมากหรือไม่มีค่าธรรมเนียม จากที่บ้านหรือแม้แต่กระเป๋าเสื้อของคุณ คุณสามารถเข้าถึงข้อมูล กราฟ และเครื่องมือต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ ซึ่งเคยสงวนไว้สำหรับมืออาชีพเท่านั้น เทคโนโลยีได้สร้างความเท่าเทียมกันอย่างจริงจังให้กับสนามแข่งขันสำหรับนักลงทุนเทรดเดอร์โดยทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน เทคโนโลยียังช่วยเหลือบริษัทใหญ่ๆ และเปิดประตูสู่ระบบที่ซับซ้อน เช่น การเทรดด้วยความถี่สูง ซึ่งนำมาซึ่งคำถามชุดใหม่ หนึ่งในนั้นคือ HFT มีจริยธรรมหรือไม่ หากมีแต่ผู้เล่นรายใหญ่เท่านั้นที่สามารถกำหนดจังหวะและชนะ ในขณะที่นักลงทุนทั่วไปต้องคอยตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวที่พวกเขาแม้แต่จะมองไม่เห็น นี่ถือว่ายุติธรรมจริง ๆ หรือ?

ฝ่ายหนึ่งให้เหตุผลว่า HFT ส่งผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะมันช่วยให้ตลาดทำงานได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และมักทำให้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายถูกลง ขณะที่อีกฝ่ายมองว่าบอกว่ามันเป็นเพียงวิธีหนึ่งที่ผู้มีอำนาจจะได้เปรียบในเกมที่ถูกจัดฉาก และทิ้งคนอื่น ๆ ไว้ข้างหลัง ไม่ว่าจะยุติธรรมหรือไม่ก็ตาม ความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้คือ HFT มีอยู่จริงและเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นจริงในปัจจุบัน ดังนั้นหากคุณต้องการเข้าใจกลไกตลาดในยุคนี้ การทำความรู้จักและเข้าใจวิธีทำงานของ HFT ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเบื้องหลังการซื้อขายแต่ละครั้งมีอะไรมากมายเกิดขึ้น

แบ่งปันกับเพื่อน ๆ:

เปิดบัญชี FBS

โดยการลงทะเบียน คุณได้ยอมรับเงื่อนไขของ ข้อตกลงลูกค้า FBS และ นโยบายความเป็นส่วนตัว FBS และยอมรับความเสี่ยงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการซื้อขายในตลาดการเงินระดับโลก

FBS ณ สื่อสังคมออนไลน์

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon

ติดต่อเรา

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon
store iconstore icon
ดาวน์โหลดได้ที่
Google Play
store iconstore icon
ดาวน์โหลด MT4 บน
App Store
store iconstore icon
ดาวน์โหลด MT5 บน
App Store

การซื้อขาย

บริษัท

เกี่ยวกับ FBS

ผลกระทบต่อสังคมของเรา

เอกสารทางกฎหมาย

ข่าวเกี่ยวกับบริษัท

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้

ศูนย์ช่วยเหลือ

โปรแกรมพันธมิตร

เว็บไซต์นี้ดำเนินการโดย FBS Markets Inc. หมายเลขจดทะเบียน 000001317 ซึ่ง FBS Markets Inc. ได้รับการจดทะเบียนโดย Financial Services Commission ภายใต้พระราชบัญญัติอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ฯ 2021 (Securities Industry Act 2021) ใบอนุญาตเลขที่ 000102/31 ที่อยู่สำนักงาน: The Bentley, #16 Cor A Street & Princess Margaret Drive, Belize City, Belize

โดย FBS Markets Inc. ไม่ได้ให้บริการทางการเงินแก่ผู้อยู่อาศัยในเขตอำนาจศาลบางแห่ง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป, สหราชอาณาจักร, อิสราเอล, สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน, เมียนมาร์

ธุรกรรมการชำระเงินได้รับการจัดการโดย HDC Technologies Ltd.; Registration No. HE 370778; Legal address: Arch. Makariou III & Vyronos, P. Lordos Center, Block B, Office 203, Limassol, Cyprus ที่อยู่เพิ่มเติม: Office 267, Irene Court, Corner Rigenas and 28th October street, Agia Triada, 3035, Limassol, Cyprus

เบอร์ติดต่อ: +357 22 010970 เบอร์ติดต่อเพิ่มเติม: +501 611 0594

สำหรับความร่วมมือ กรุณาติดต่อเราผ่าน [email protected]

คำเตือนเรื่องความเสี่ยง: ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการซื้อขาย คุณควรเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับตลาดสกุลเงินและการซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้นอย่างถ่องแท้ และคุณควรตระหนักถึงระดับประสบการณ์ของตนเอง

การคัดลอก การทำสำเนา การเผยแพร่ รวมถึงแหล่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตของเนื้อหาใดๆ จากเว็บไซต์นี้สามารถดำเนินการได้เฉพาะเมื่อได้รับการอนุญาตที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น

ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การชี้แนะ หรือการชักชวนให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการลงทุนใด ๆ ทั้งสิ้น