ทำไมต้องใส่ใจเรื่องความเสี่ยงด้านตลาด
ลองนึกภาพว่าคุณใช้เวลาหลายชั่วโมงวางแผนการเทรด และได้พิจารณาครบทุกอย่าง ตั้งแต่ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค ไปจนถึงจุด stop-loss แคบ ๆ และตั้งเป้าหมายกำไรที่สมเหตุสมผล มันดูสมบูรณ์แบบมากเลยใช่ไหม? แต่ทันใดนั้นเอง เฟดก็ประกาศขึ้นดอกเบี้ยแบบไม่คาดคิด ตลาดหุ้น S&P 500 ดิ่งเหว และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ก็เขย่าตลาด มันรู้สึกเหมือนทั้งโลกกำลังเล่นงานคุณ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย มันเป็นเพียงความเสี่ยงด้านตลาด (market risk) คุณไม่สามารถเอาชนะมันด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูง หรือกำจัดมันให้หายไปได้ แต่คุณเรียนรู้ที่จะเคารพความเสี่ยงนี้ได้ และหากคุณจริงจังกับการเทรดในระยะยาว คุณต้องเข้าใจกลไกการทำงานของมันให้ดี
ประเภทหลัก ๆ ของความเสี่ยงด้านตลาด

ความเสี่ยงด้านตลาดมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทสินทรัพย์ที่คุณเทรด ลองดูตารางนี้: ความเสี่ยงแต่ละประเภทสามารถส่งผลต่อตลาดได้ (และมักจะส่งผลจริง ๆ) แม้การเทรดหรือสินทรัพย์ของคุณจะไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นโดยตรงก็ตาม
ประเภทของความเสี่ยง | ความหมาย | ตัวอย่าง |
ความเสี่ยงด้านหุ้น (Equity risk) | ราคาหุ้นหรือดัชนีตก | S&P 500 ร่วงหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย |
ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest rate risk) | ราคาหุ้น/พันธบัตรเคลื่อนไหวตามนโยบายธนาคารกลาง | หุ้นเทคร่วงจากการขึ้นดอกเบี้ย |
ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Currency risk) | อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนทำลายกำไร | ความผันผวนของ EURUSD หลังการประชุม ECB |
ความเสี่ยงด้านสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity risk) | ราคาน้ำมัน โลหะ พลังงานผันผวนรุนแรง | ราคาน้ำมันพุ่ง 20% ระหว่างความขัดแย้งในตะวันออกกลาง |
ความเสี่ยงด้านมหภาค/ภูมิรัฐศาสตร์ (Macro/geopolitical) | เหตุการณ์ระดับโลกกระทบทุกสินทรัพย์ | สงคราม เงินเฟ้อ การคว่ำบาตร |
ตัวอย่างในโลกจริงที่เทรดเดอร์ทุกคนควรทราบ
เหตุการณ์ความเสี่ยงด้านตลาดในอดีตเหล่านี้ ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรุนแรงและฉับพลัน บ่อยครั้งก็ทำลายหลายคำสั่งซื้อขายที่เคยถูกมองว่าปลอดภัยไปในพริบตา
ในเดือนมีนาคม 2020 เมื่อการระบาดของ COVID-19 เกิดขึ้น แม้แต่หุ้นที่ปลอดภัยที่สุดยังร่วงลงกว่า 30% ภายในไม่กี่วัน สภาพคล่องในตลาดเหือดแห้ง และคำสั่ง stop-loss ก็ทำงานไม่ได้ตามที่ตั้งไว้
ในฤดูใบไม้ผลิปี 2025 การขึ้นภาษีของทรัมป์ต่อสินค้าจากเอเชียส่งผลให้ดัชนี S&500 ร่วงหนักกว่า 20% ภายในไม่กี่สัปดาห์ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นที่พึ่งพาการส่งออกได้รับความเสียหายอย่างหนัก แม้แต่เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ระยะสั้นก็ยังได้รับผลกระทบจากความผันผวนครั้งนี้
ในเดือนมิถุนายน 2025 ในช่วงความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิสราเอลกับอิหร่าน ราคาน้ำมันได้พุ่งขึ้น 20% ภายในหนึ่งสัปดาห์
นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องกราฟหรือคำสั่งซื้อขายที่ผิดพลาด แต่เป็นตัวอย่างของความเสี่ยงด้านตลาดในทางปฏิบัติ
ความเสี่ยงของตลาดส่งผลต่อคำสั่งซื้อขายของคุณอย่างไรบ้าง
การประเมินความเสี่ยงของตลาดต่ำเกินไปอาจนำไปสู่ความสูญเสียครั้งใหญ่ที่คาดไม่ถึง การรู้ไว้ก่อนก็เหมือนมีอาวุธพร้อม ดังนั้นมาดูผลลัพธ์ทั้งสี่ประการที่อาจเกิดขึ้นจากความเสี่ยงด้านตลาดกัน
คุณมีแผนการเทรดที่แข็งแกร่งใช่ไหม? คุณก็ยังสูญเสียในการเทรดเมื่อความตื่นตระหนกเกิดขึ้น บ่อยครั้งที่อารมณ์กลบเกลื่อนการวิเคราะห์และ แม้แต่ข่าวดีก็ถูกละเลย
ความผันผวนที่พุ่งสูงทำให้สเปรดและสลิปเพจเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ความสัมพันธ์อาจเกิดการพุ่งสูงเมื่อทุกอย่างตกลงมาพร้อมกัน
Stop-losses อาจหลุดออกไปในช่องว่าง (เหตุการณ์ข้ามคืนหรือปริมาณการซื้อขายสูง)
สรุปแล้ว: ความเสี่ยงด้านตลาดจะไม่สนใจการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคุณ (ไม่ใช่ว่าจะเป็นเหตุผลที่จะละเลย TA) มันอาจดูเหมือนว่าความเสี่ยงของตลาดเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่สามารถทำลายความพยายามทั้งหมดของคุณได้ในชั่วพริบตา และคุณไม่สามารถทำอะไรได้เพื่อหยุดมัน แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะมันไม่ได้แย่ขนาดนั้น คุณสามารถเรียนรู้ที่จะรับมือกับมันได้
สิ่งที่คุณทำได้เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านตลาด

ความเสี่ยงด้านตลาดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คุณสามารถจัดตำแหน่งตัวเองได้อย่างฉลาดกว่า นี่คือเคล็ดลับบางส่วน
กระจายความเสี่ยงไปสู่ประเภทสินทรัพย์ต่าง ๆ
อย่าเอาไข่ทั้งหมดใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว การถือครองหุ้น พันธบัตร เงินสด และสินค้าโภคภัณฑ์ร่วมกัน จะช่วยลดผลกระทบจากภาวะช็อกเพียงครั้งเดียวได้
ใช้จุด stop-losses ที่เหมาะสม และคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดการสลิปในช่วงตลาดตก
การตั้ง Stop-loss เป็นสิ่งสำคัญ แต่ในช่วงที่ตลาดผันผวนรุนแรงอาจเกิดสลิปเพจ (slippage) ได้ ดังนั้นบางครั้งคุณอาจต้อง ตั้ง Stop-loss ให้กว้างขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ สำหรับเทรดเดอร์ระดับสูง อาจพิจารณาการป้องกันความเสี่ยง (hedging)ให้กับสถานะของพวกเขา
หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสลิปเพจ (slippage) กรุณาอ่านบทความของ FBS เรื่อง สลิปเพจในตลาดฟอเร็กซ์ และวิธีป้องกัน
ลดขนาดก่อนเหตุการณ์สำคัญ
ก่อนเกิดเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ (เช่น การประชุม Fed การประกาศตัวเลข CPI ฤดูประกาศผลประกอบการของบริษัท การลงมติเรื่องภูมิรัฐศาสตร์) ควรลดขนาดสถานะของคุณลง หรือ ถือเงินสดเอาไว้ก่อน บางครั้ง การไม่ทำอะไรเลยก็เป็นกลยุทธ์ที่ดีเช่นกัน
รู้เสมอว่ามีอะไรอยู่ในปฏิทิน
การรับทราบข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) การประชุม FOMC และประกาศของธนาคารกลาง (เช่น ECB) จะช่วยให้วางแผนได้อย่างเหมาะสม เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้ข้อมูล NFP และ CPI ในการซื้อขายในบทความนี้