มีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องว่าราคาจะเคลื่อนไหวต่อไปทิศทางไหน เทรดเดอร์จำนวนมากต่างสูญเสียเงินที่ได้มาอย่างยากลำบากเนื่องจากการแกว่งของตัวราคาที่คาดไม่ถึง บางคนก็เปลี่ยนเป็นกรอบเวลาที่เล็กลงแล้วหันไปใช้การเทรดแบบ Scalping เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาที่มีนัยสำคัญ
ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้ว่าการเทรดแบบ Scalping คืออะไร เทรดเดอร์ Scalper ใช้ตัวบ่งชี้ใด และวิธีการใช้ตัวบ่งชี้เหล่านี้ในกลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping
การเทรดแบบ Scalping คืออะไร?
การเทรดแบบ Scalping เป็นกลยุทธ์การเทรดรายวันระยะสั้นที่เกี่ยวข้องกับการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ของราคา เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์นี้จะถูกเรียกว่าเทรดเดอร์ Scalper และเป้าหมายหลักของพวกเขาคือการสร้างรายได้จากคำสั่งซื้อขายที่ชนะน้อย ๆ จำนวนมากแทนคำสั่งซื้อขายใหญ่ ๆ และยาวนานไม่กี่คำสั่ง แต่ละคำสั่งซื้อขายจะใช้เวลาตั้งแต่ไม่กี่วินาทีถึงหนึ่งชั่วโมง และจำนวนคำสั่งซื้อขายที่เทรดเดอร์ Scalper เปิดภายในหนึ่งวันอาจมีตั้งแต่สิบไปจนถึงสองสามร้อยคำสั่ง ขึ้นอยู่กับว่าเทรดเดอร์ Scalper นั้นเทรดด้วยตนเองหรือใช้ซอฟต์แวร์การเทรดแบบอัตโนมัติ
สิ่งสำคัญที่ดึงดูดเทรดเดอร์ให้สนใจกลยุทธ์นี้คือการจับการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของราคาและทำกำไรจากมันนั้นทำได้ง่ายกว่ามาก การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ของราคานั้นเกิดขึ้นบ่อยมาก ๆ และเนื่องจากแต่ละคำสั่งซื้อขายจะใช้เวลาเพียงสั้น ๆ จึงมีความเสี่ยงน้อยลงอย่างมากที่จะเผชิญกับเหตุการณ์ขัดแย้งที่อาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่พึงประสงค์
การเทรดแบบ Scalping ทำงานอย่างไร?
แม้ว่าการเทรดแบบ Scalping จะถูกมองว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่ากลยุทธ์การเทรดระยะยาว แต่มันจะทำงานได้ผลดีก็ต่อเมื่อเทรดเดอร์มีแผนการเทรดที่ชัดเจนและมีระเบียบวินัยที่เข้มงวด ดังนั้นมันจึงเหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์
ก่อนที่จะเปิดคำสั่งซื้อขาย เทรดเดอร์ Scalper จะต้องกำหนดจุดเข้า เป้าหมายกำไร และระดับตัดขาดทุน เมื่อทำเสร็จแล้ว การทำตามแผนนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ หากราคาถึงเป้าหมายกำไร เทรดเดอร์ Scalper จะปิดคำสั่งซื้อขายเสมอแม้ว่าจะมีโอกาสที่ราคาจะสูงขึ้นมากกว่านี้ก็ตาม ในทำนองเดียวกัน หากราคาแตะถึงระดับตัดขาดทุน พวกเขาจะปิดคำสั่งซื้อขายโดยไม่รอให้ราคาเด้งกลับ การทำเช่นนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเผชิญกับการเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่คาดคิดและไม่พึงประสงค์ และทำให้การเทรดแบบ Scalping มีความเสี่ยงน้อยกว่ากลยุทธ์การเทรดแบบอื่น ๆ
ในการวางแผนการเทรดให้ประสบความสำเร็จ เทรดเดอร์ Scalper จำเป็นต้องเข้าใจว่าตลาดมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางใด ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ตัวบ่งชี้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจำนวนมาก ศึกษากราฟราคาระยะสั้น (1-5 นาที) เข้าใจจิตวิทยาของเทรดเดอร์ และการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของพวกเขาจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด ณ ปัจจุบัน
ข้อดีและข้อเสียของการเทรดแบบ Scalping
เช่นเดียวกับรูปแบบการเทรดอื่น ๆ การเทรดแบบ Scalping ก็มีข้อดีและข้อเสียที่ทำให้เทรดเดอร์สนใจหรือหลีกเลี่ยงที่จะนำไปใช้งาน
ข้อดีของการเทรดแบบ Scalping นั้น มีดังนี้
ความเสี่ยงต่ำ เทรดเดอร์ Scalper จะทำกำไรจากการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของราคาที่เกิดขึ้นภายในกรอบเวลาที่เล็กที่สุด แม้ว่าราคาจะเคลื่อนไหวสวนทางกับเทรดเดอร์ แต่มันก็ไม่มีทางที่จะเคลื่อนไหวออกไปนอกเหนือระดับตัดขาดทุนที่วางเอาไว้เพื่อจำกัดการขาดทุนใด ๆ ที่เทรดเดอร์ Scalper อาจต้องเผชิญ
โอกาสในการทำกำไร หากเทรดเดอร์ Scalper ยึดมั่นทำตามแผนการเทรดของตนและเทรดสินทรัพย์เดียวด้วยปริมาณคำสั่งซื้อขายใหญ่ ๆ ไปเลย พวกเขาจะทำกำไรได้เยอะมากในตอนสิ้นวัน
ไม่จำเป็นต้องติดตามเรื่องปัจจัยพื้นฐาน การเทรดโดยใช้ปัจจัยพื้นฐานนั้นจะประกอบด้วยการติดตามข่าวสาร เหตุการณ์ และรายงานสถิติทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อมูลค่าของสินทรัพย์ เพื่อกำหนดเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเทรดเดอร์ Scalper จะทำกำไรจากความผันผวนเล็ก ๆ น้อย ๆ ของราคา พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องติดตามเรื่องปัจจัยพื้นฐาน เนื่องจากมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อกรอบเวลาเล็ก ๆ
ใช้ได้ทั้งสองทิศทาง ด้วยการเทรดแบบ Scalping คุณสามารถเทรดได้ทั้งตลาดกระทิงและตลาดหมี ดังนั้นเทรดเดอร์ Scalper จึงมีโอกาสมากขึ้นในการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา
ทำให้เป็นอัตโนมัติได้ การเทรดแบบ Scalping ต้องการความแม่นยำและการกะจังหวะที่ดี เนื่องจากแม้แต่การหน่วงเวลาเพียงหนึ่งวินาทีก็อาจส่งผลกระทบต่อคำสั่งซื้อขายของคุณได้ โชคดีที่มันเป็นไปได้ที่จะใช้ซอฟต์แวร์การเทรดแบบอัตโนมัติเพื่อส่งคำสั่งซื้อขายเมื่อราคาถึงหนึ่งในเป้าหมาย และทำกำไรให้มากที่สุดจากแต่ละคำสั่งซื้อขาย
ส่วนข้อเสียบางอย่างที่เทรดเดอร์จะต้องพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจรวมกลยุทธ์นี้เข้ากับการเทรดของพวกเขา มีดังนี้
ต้องใช้ประสบการณ์และเวลาอย่างมาก แม้ว่าการเทรดแบบ Scalping อาจดูเหมือนง่าย แต่มันก็ยังเป็นกลยุทธ์การเทรดขั้นสูงที่ต้องมีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับตลาดและการเคลื่อนไหวของมัน เทรดเดอร์มือใหม่อาจพบว่ามันยากมากที่จะปฏิบัติตามแผนการเทรดที่เข้มงวดและติดตามหลายคำสั่งซื้อขายเป็นเวลาหลายชั่วโมงทุกวัน ในทางกลับกัน เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะมีระเบียบวินัยที่ดีกว่า มีประสบการณ์มากกว่า และมีเงินทุนเพื่อให้ทันกับความเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของตลาด
ต้นทุนการทำธุรกรรม เช่นเดียวกับเทรดเดอร์ประเภทอื่น เทรดเดอร์ Scalper จะต้องจ่ายค่าคอมมิชชันหรือค่าสเปรดสำหรับทุกคำสั่งซื้อขายที่พวกเขาดำเนินการ เนื่องจากเทรดเดอร์ Scalper จะเปิดคำสั่งซื้อขายมากกว่าเทรดเดอร์ประเภทอื่น ต้นทุนจึงอาจสะสมและกัดกินกำไรที่พวกเขาได้จากคำสั่งซื้อขายเหล่านั้น
ปัญหาทางเทคนิค ดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว แม้แต่ความล่าช้าเพียงหนึ่งวินาทีก็สามารถส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ของคำสั่งซื้อขายได้ อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่ว่าทุกความล่าช้าจะเป็นความผิดของเทรดเดอร์ ปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ปัญหาเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม ฯลฯ อาจทำให้เกิดการคลาดเคลื่อนและความล่าช้าในการดำเนินการ ทำให้คำสั่งซื้อขายที่เป็นกำไรในภาพรวมกลายเป็นความล้มเหลว สิ่งนี้สามารถบรรเทาได้โดยการใช้ซอฟต์แวร์การเทรดแบบอัตโนมัติและ VPS แต่เทรดเดอร์ที่ไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือเหล่านี้ได้ควรระมัดระวังเรื่องการเทรดแบบ Scalping
กำลังคิดจะลองกลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping หรือกลยุทธ์อื่น ๆ อยู่หรือเปล่า?
ลองเริ่มจากพื้นฐานในคอร์สสอนเทรดออนไลน์ฟรีของเราดูสิ มันจะช่วยให้คุณเข้าใจตลาด จัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น และพบแนวทางการเทรดที่เหมาะกับคุณ